กีตาร์เป็นเครื่องดนตรีในตระกูลเครื่องสาย ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากมากสำหรับการที่จะสืบค้นให้แน่ชัดว่าเริ่มมาจากที่ใด แต่ที่จะเด่นชัดที่สุดก็คงเริ่มตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 15 ที่ได้เกิดเครื่องสายกลุ่มหนึ่งขึ้นมา ใช้ชื่อว่า "ไวโอลวิเวล่า" และ "ลูท" ซึ่งไวโอลวิเวล่านี้เองยังแยกออกเป็น 3 แบบคือ
1.วิเวล่า เดอ อาร์โด (Vihuela De Arco) การเล่นใช้คันสีคล้ายกับไวโอลินในปัจจุบัน
2.วิเวล่า เดอ เพนโญล่า (Vihuela De Penola) มีลักษณะการเล่นด้วยวิธีเอาไม้แผ่นบางๆ ดีดลงไปบนสายคล้ายกับการใช้ปิ๊คในปัจจุบัน
3.วิเวล่า เอา มาโน (Vihuela De Mano) การใช้นิ้วเกี่ยวหรือดีดลงบนสาย
วิเวล่านั้นถือกำเนิดขึ้นในประเทศสเปน มีลำตัวคล้ายกับกีต้าร์ในปัจจุบัน แต่มีขนาดเล็กกว่า เฟร็ตที่คอใช้เอ็นรัดไว้รอบคอ วิวเล่าในแบบที่ใช้คันสีและใช้ไม้แผ่นบางๆ ดีดนั้นจะได้รับความนิยมมากกว่าแบบที่ใช้นิ้ว แต่พอเข้าสู่ต้นศตวรรษที่ 16 แบบที่ใช้นิ้วดีดกลับมาเป็นที่นิยมของนักดนตรีทั้งในประเทศสเปนและอิตาลี
หลังจากนั้นกีตาร์ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นมาแต่มีขนาดเล็กกว่าวิวเล่าที่มีสายอยู่ 6 ชุด (สองสายเท่ากับหนึ่งชุด) ต่อมาประเทศสเปนได้ทำกีตาร์สาย 5 ชุด ให้ชื่อว่า "กีตาร์แห่งสเปน"
ศตวรรษที่ 18 กีตาร์ก็ได้ถูกเปลี่ยนจากสาย 4-5 ชุดมาเป็นสายเดี่ยว 6 เส้น จนถึงทุกวันนี้ เมื่อปี
ค.ศ.1929 ไฮเทอร์ วีญา-โลโบส (Heitor Villo-Lobos) เล่นกีตาร์โดยการเล่นด้วยวิธีเคลื่อนรูปคอร์ดขึ้นลงบนฟิงเกอร์บอร์ด รวมทั้งการเล่นสายเปิด นอกจากนั้นยังมีรูปแบบการเล่นอาร์เพจจิโอ (Arpeggio) ด้วย
จากวิวัฒนาการตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 ทำให้กีตาร์เกิดความหลากหลายในการเล่นของตัวมันเองจนเป็นที่ยอมรับของคนส่วนมากเมื่อประเทศทางแถบตะวันตกและอเมริกาใต้เริ่มใช้กีตาร์ประกอบการเต้นรำ เทคนิคต่างๆ ก็ได้ถูกนำมาใช้โดยเลียนแบบการเล่นแบนโจของพวกนิโกร นักดนตรีส่วนมากเริ่มค้นพบว่ากีตาร์สามารถเข้ากับเพลงเขาได้ดีกว่าแบนโจ ทำให้ต่อมามีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้นกับกีตาร์คือการเปลี่ยนจากสายเอ็น
(Gut String) ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของสายไนลอน (Nylon String) และมาเป็นสายเหล็ก (Steel String) ในปัจจุบัน
ประเภทของกีตาร์
กีตาร์นั้นมีมากมายหลายประเภท แต่จะกล่าวถึงกีตาร์โปร่ง กีตาร์อะคูสติก (Acoustic Guitar) ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย เพราะเสียงที่เป็นธรมมชาติ และยังเหมาะสมกับผู้ที่เริ่มจะฝึกหัดเครื่องดนตรีชนิดนี้ เพื่อก้าวไปสู่ความเป็นมืออาชีพ
1.กีตาร์คลาสสิค (Classical Guitar)
2.กีตาร์โฟล์ค (Folk Guitar)
กีตาร์คลาสสิค(Classical Guitar)
ตามหลักฐานที่พิสูจน์ได้ในอดีตนั้น บ่งบอกว่ากีตาร์คลาสสิคนั้นถือเป็นต้นกำเนิดของกีตาร์ในปัจจุบัน ซึ่งจะมีลักษะณะดังนี้
- ส่วนหัว (Head) เป็นไม่ที่มีรูเจาะเป็นช่องยาว 2 ช่อง โดยในช่องที่ว่านี้มีไว้สำหรับใส่สายกีตาร์ ส่วนใหญ่ทำจากสายพลาสติกอย่างดี หรือวัสดุจำพวกระดูกและงาช้าง มีปลายยื่นออกมาด้านหลังก็เป็นลูกบิด 6 อัน (หรือมากกว่า) และเมื่อวางกีตาร์ในแนวนอน ลูกบิดจะตั้งฉากกับพื้น
- ส่วนคอ (Neck) กีตาร์คลาสสิคนั้นจะมีขนาดของคอที่ใหญ่กว่ากีตาร์อื่นๆ ไม้ที่ส่วนคอจะตรงและมีขนาดทกันตั้งแต่ส่วนบนสุดถึงล่างสุดของคอ จำนวนเฟร็ตถ้านับจากจุดต่อลำตัวมี 12 เฟร็ต และบริเวณฟิงเกอร์บอร์ดมักจะไม่มีจุด (Inlay) บอกตำแหน่งเฟร็ตแต่อาจจะมีจุดบริเสณสันคอกีตาร์แทน
- ลำตัว (Body) เป็นส่วนที่ยึดติดกับคอกีตาร์ตั้งแต่เฟร็ตที่ 12 เข้ามาในกล่องเสียง (Sound Hole) มีลักษณะด้านหน้าเรียบ มีรูกลมเป็นโพรงอยู่ต่อจากด้านล่างสุดของคอ ส่วนด้านล่างของโพรงเสียงจะมีบริดจ์ (Bridge) ที่จะเป็นตัวยึดสายกีตาร์ไว้กับลำตัวด้านหน้า
- สายกีตาร์ (String) ส่วนมากแล้ว สาย 1 – 3 จะใช้สายไนลอน ส่วนสาย 4 – 6 (สายเบส) จะใช้สายที่พันด้วยเส้นโลหะเล็กๆ เช่น ทองแดง บรอนซ์ เป็นต้น
กีตาร์โฟล์ค (Folk Guitar)
ลักษณะของกีตาร์โฟล์ค
- ส่วนหัว (Head) มีลูกบิดที่แกนหมุนโดยมากทำจากโลหะ และเมื่อวางกีตาร์ในแนวนอน ส่วนมากลูกบิดจะขนานไปกับพื้น
- ส่วนคอ (Neck) คอของกีตาร์โฟล์คนั้นค่อนข้างเล็กด้านหลังคอจะโค้งมน มีจุดบอกตำแหน่งเฟร็ต ที่ 3 / 5 / 7 / 12 บนฟิงเกอร์บอร์ด นับเฟร็ตจากส่วนบนจนถึงบริเวณต่อลำตัวมี 14 เฟร็ต
- ลำตัว (Body) มีลักษณะค่อนข้างแบน มีบริดจ์ที่ (อาจจะ) สามารถปรับระดับความสูงได้ติดอยู่ด้านล่างของกล่องเสียง สายที่ใช้จะเป็นสายเหล็กวางชิดกันกว่ากีตาร์คลาสสิค รูปร่างขนาดแตกต่างกันไปตามความเหมาะสมและรสนิยมของผู้เล่น ส่วนมากนิยมใช้ขนากใหญ่ (Dreadnought) เพราะจะให้เสียงที่กังวานกว่า ละในปัจจุบันมีบริษัทกีตาร์ ได้ทำการผลิตกีตาร์ที่มีลักษณะคล้ายกีตาร์คลาสสิคแต่ใช้สายเหล็กหรือสายไนลอนก็ได้แต่จะมีแกนหมุนสายที่ทำจากเหล็ก เราเรียกกีตาร์ชนิดนี้ว่า "Round Hole Folk Guitar"